Stay & Se(a)

เกี่ยวกับ SHR

บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ SHR ประกอบธุรกิจโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) ที่ประกอบธุรกิจบริหารจัดการโรงแรมและลงทุนในธุรกิจโรงแรมระดับนานาชาติที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยอยู่ในเครือ บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) บริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์และการลงทุนระดับสากล

ในปี 2566 บริษัทฯ มีโรงแรมทั้งสิ้นจำนวน 38 แห่ง 4,552 ห้อง ซึ่งตั้งอยู่ในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมากทั่วโลก เช่น สาธารณรัฐมัลดีฟส์ สาธารณรัฐหมู่เกาะฟิจิ สาธารณรัฐมอริเชียส สหราชอาณาจักร และประเทศไทย

S Hotels and Resorts

S HOTELS RESORTS

SHR เริ่มดำเนินการถมที่ดิน การปกป้องแนวชายฝั่ง การกำหนดภูมิทัศน์ และการก่อสร้างโครงการ CROSSROADS เฟส 1

มกราคม 2560

ครอสโร้ดส์ มัลดีฟส์ โครงการแหล่งท่องเที่ยวและพักผ่อนครบวงจรระดับโลกขนาดใหญ่ ยาว 7 กิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่ 9 เกาะในมัลดีฟส์ บริหารจัดหารโดย SHR ภายใต้การพัฒนาโดยบริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) และ บริษัท บุญรอดบริววอรี่ จำกัด

ครอสโร้ดส์ มัลดีฟส์ เปิดดำเนินการ

กันยายน 2562

โครงการแหล่งท่องเที่ยวครบวงจรระดับโลก พัฒนาโดยบริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดดำเนินการบนพื้นที่ 2 เกาะ จากทั้งหมด 9 เกาะ ประกอบด้วย ฮาร์ดร็อก โฮเทล มัลดีฟส์ (Hard Rock Hotel Maldives) ทราย ลากูน มัลดีฟส์ (SAii Lagoon Maldives) และเดอะมาริน่า แอท ครอสโร้ดส์ (The Marina @ CROSSROADS)

เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท นำหุ้นเข้าเทรดวันแรก

พฤศจิกายน 2562

บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ ‘SHR’ บริษัทในเครือ สิงห์ เอสเตท นำหุ้นเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เป็นวันแรก

SHR ร่วมลงนามสัญญาบริหารจัดการโรงแรมครั้งสำคัญ เปิดตัว “SO/ Maldives”

กรกฎาคม 2564

SHR ร่วมกับ  Wai Eco World Developer Pte. Ltd. : WEWD กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ ลงนามข้อตกลงบริหารจัดการโรงแรมครั้งสำคัญ กับ “โซ/ โฮเต็ลแอนด์รีสอร์ท” (SO/ Hotels & Resorts) แบรนด์ไลฟ์สไตล์สุดทันสมัยที่และเปี่ยมไปด้วยความสนุกสนานของแอคคอร์ (Accor)

ประวัติความเป็นมา

มกราคม 2566

ครอสโร้ดส์ มัลดีฟส์ แหล่งท่องเที่ยวครบวงจรระดับโลก ได้รับรางวัลสิ่งแวดล้อมระดับสากล Green GlobeTM

พฤษภาคม 2565

บริษัทฯ เดินหน้ากลยุทธ์หมุนเวียนขายสินทรัพย์ เพื่อต่อยอดการลงทุนพัฒนาโรงแรมที่มีศักยภาพสูง โดยได้บรรลุข้อตกลงการขายโรงแรมเมอร์เคียว เบอร์ตัน อัพพอน (Mercure Burton upon Trent Newton Park Hotel) ในสหราชอาณาจักร ซึ่งเป็นไปตามแผนการขายโรงแรมที่มีศักยภาพในการทำกำไรอย่างจำกัด โดยโรงแรม Mercure Newbury Elcot Park เป็นโรงแรมขนาด 50 ห้อง คิดเป็นมูลค่า 2 ล้านปอนด์ โดยเงินที่ได้จากการขายสินทรัพย์แห่งนี้จะถูกนำไปลงทุนใหม่เพื่อยกระดับสินทรัพย์อื่น ๆ ในสหราชอาณาจักรที่มีศักยภาพการแข่งขันสูง

กรกฎาคม 2564

บริษัทฯ ลงนามข้อตกลงบริหารจัดการโรงแรมของ“โซ/ โฮเต็ลแอนด์รีสอร์ท” (SO/ Hotels & Resorts) กับทาง Wai Eco World Developer Pte. Ltd. (WEWD) โดยรีสอร์ทแห่งใหม่นี้นับเป็นรีสอร์ทลำดับที่ 3 ของ “ครอสโร้ดส์ มัลดีฟส์” ซึ่งวางแผนเปิดตัวในปี 2566

เมษายน 2564

บริษัทฯ ได้บรรลุข้อตกลงการขายโรงแรม Mercure Newbury Elcot Park ในสหราชอาณาจักร ซึ่งเป็นไปตามแผนการขายโรงแรมที่มีศักยภาพในการทำกำไรอย่างจำกัด โดยโรงแรม Mercure Newbury Elcot Park เป็นโรงแรมขนาด 73 ห้อง คิดเป็นมูลค่ารวม 4.25 ล้านปอนด์ (หรือเทียบเท่า 182 ล้านบาท) โดยเงินที่ได้จากการขายสินทรัพย์ดังกล่าว จะนำไปลงทุนพัฒนาปรับปรุงโรงแรมชั้นนำของบริษัทฯ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน และต่อยอดประสิทธิภาพในการทำกำไรของพอร์ตโฟลิโอ

กุมภาพันธ์ 2564

บริษัทฯ ดำเนินการเปลี่ยนสัญญาของโรงแรมที่ปัจจุบันดำเนินการโดยแบรนด์ Outrigger จำนวน 3 แห่ง จากทั้งหมด 6 แห่งภายใต้สัญญาบริหารจัดการโรงแรม กลับมาบริหารจัดการด้วยตัวเอง (Self-managed) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความสามารถในการทำกำไรของบริษัทฯ ในการนี้บริษัทฯ ได้เปิดตัวรีสอร์ท ภายใต้แบรนด์ “SAii” อีก 2 แห่งในประเทศไทย ได้แก่ ทรายลากูน่าภูเก็ต (SAii Laguna Phuket) และ ทรายพีพีไอส์แลนด์วิลเลจ (SAii Phi Phi Island Village)

คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติให้ S Hotels and Resorts (UK) Limited (“SHR UK”) บริษัทย่อยที่บริษัทฯ ถือหุ้นทางอ้อมร้อยละ 100 เข้าซื้อหุ้นสามัญของ FS JV Co., Ltd. (“FS JV”) จำนวน 500,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ หุ้นละ 1 ปอนด์ หรือ คิดเป็นร้อยละ 50 ของทุนที่ชำระแล้ว จากผู้ร่วมทุนเดิม FICO Holding (UK) Limited (“FICO UK”) โดยใช้มูลค่าเงินลงทุน 13.75 ล้านปอนด์ (หรือประมาณ 564.49 ล้านบาท) ภายหลังการทำรายการ SHR UK จะถือหุ้นใน FS JV ร้อยละ 100 และทำให้ FS JV เป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ และจะรับรู้ผลการดำเนินงาน ในรูปแบบงบการเงินรวมของบริษัทฯ ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ปี 2564 เป็นต้นไป

ธันวาคม 2563

บริษัทฯ เปิดตัวแบรนด์โรงแรมและรีสอร์ทใหม่ล่าสุดของบริษัท ภายใต้ชื่อ “nābor” ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ นักท่องเที่ยวยุคใหม่ที่ชาญฉลาดและใช้ชีวิตด้วยดิจิทัล ผสมผสานแรงบันดาลใจจากท้องถิ่น เพื่อเป็นทางเลือกใหม่ สำหรับกลุ่มตลาดระดับกลาง แต่คุณภาพระดับลักชัวรี่ที่เข้าถึงง่ายมากขึ้น “Luxury Midscale” ซึ่งการพัฒนา แบรนด์นี้จะมีบทบาทสำคัญในการขยายการลงทุน และเพิ่มพอร์ตโฟลิโอของบริษัทฯ ต่อไปในอนาคต

พฤศจิกายน 2562

เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ภายใต้ชื่อหลักทรัพย์ SHR ในหมวดการท่องเที่ยวและสันทนาการ ภายหลังการเพิ่มทุน บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) ยังคงดำรงสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทฯ ที่ร้อยละ 60 ของทุนชำระแล้ว

เข้าลงนามในสัญญาร่วมทุนสำหรับการพัฒนาโครงการแบบ High-end lifestyle resort บนเกาะ 3 ของโครงการ CROSSROADS เฟส 1 กับ Eco World Developer Co., Ltd

กันยายน 2562

เปิดดำเนินการโรงแรม 2 แห่งได้แก่ โรงแรม SAii Lagoon Maldives, Curio Collection by Hilton และโรงแรม Hard Rock Hotel Maldives รวมถึงศูนย์รวมการให้บริการ (complex) เพื่อการพักผ่อนและสิ่งบันเทิงภายใต้ในโครงการ Marina @ CROSSROADS ที่โครงการ Crossroads ในประเทศมัลดีฟส์

เมษายน 2562

บริษัทฯ มีมติการแปรสภาพเป็นบริษัทมหาชน และเพิ่มทุนจดทะเบียน เพื่อรองรับการเสนอขายหุ้น IPO และรองรับการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นที่จะออกขายต่อประชาชน (PO Warrant)

มิถุนายน 2561

เข้าซื้อโรงแรม Outrigger จำนวน 6 แห่งใน 4 ประเทศ ได้แก่ โรงแรม Outrigger Laguna Phuket Beach Resort ในประเทศไทย และโรงแรม Outrigger Koh Samui Beach Resort ในประเทศไทย โรงแรม Outrigger Fiji Beach Resort และโรงแรม Castaway Island ในสาธารณรัฐหมู่เกาะฟิจิ โรงแรม Outrigger Mauritius Beach Resort ในสาธารณรัฐมอริเชียส และโรงแรม Outrigger Konotta Maldives Resort ในสาธารณรัฐมัลดีฟส์

พฤษภาคม 2561

เพิ่มห้องพักแบบวิลล่าขนาดใหญ่พร้อมสระว่ายน้ำซึ่งเป็นห้องพักลูกค้ารูปแบบใหม่อีกจำนวน 19 ห้อง (Grand Reserve Pool Villa) ที่โรงแรมสันติบุรี เกาะสมุย

มกราคม 2560

เริ่มดำเนินการถมที่ดิน การปกป้องแนวชายฝั่ง การกำหนดภูมิทัศน์ และการก่อสร้างโครงการ Crossroads เฟส 1

ครอสโร้ดส์ มัลดีฟส์  โครงการแหล่งท่องเที่ยวและพักผ่อนครบวงจรระดับโลกขนาดใหญ่ ยาว 7 กิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่ 9 เกาะในมัลดีฟส์ บริหารจัดหารโดย SHR ภายใต้การพัฒนาโดยบริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) และ บริษัท บุญรอดบริววอรี่ จำกัด

พฤศจิกายน 2559

โรงแรม พีพี ไอส์แลนด์ วิลเลจ บีช รีสอร์ท ได้ดำเนินการปรับปรุงห้องพักบังกะโลระดับ Superior จำนวน 45 หลัง บังกะโลระดับ Standard จำนวน 110 หลัง และร้านอาหารของโรงแรม 3 ร้าน

กันยายน 2559

เข้าทำสัญญากิจการร่วมค้ากับ FICO UK เพื่อเข้าซื้อโรงแรมในสหราชอาณาจักรจำนวน 3 แห่ง ซึ่งเป็นโรงแรมระดับ 3 ดาว ดำเนินกิจการภายใต้แบรนด์ Holiday Inn 2 แห่ง และภายใต้แบรนด์ Mercure 1 แห่ง

ตุลาคม 2558

เข้าทำสัญญากิจการร่วมค้ากับ FICO UK เพื่อเข้าซื้อโรงแรมในสหราชอาณาจักรจำนวน 26 แห่ง ซึ่งเป็นโรงแรมระดับ 3 ดาวและ 4 ดาว และดำเนินกิจการภายใต้แบรนด์ Mercure

เมษายน 2558

โรงแรมสันติบุรี เกาะสมุย ได้เพิ่มห้องพักแบบวิลล่าขนาดใหญ่พร้อมสระว่ายน้ำ (Grand Deluxe Pool Villas) จำนวน 6 ห้อง

พฤศจิกายน 2557

เข้าซื้อโรงแรม พีพี ไอส์แลนด์ วิลเลจ บีช รีสอร์ท ซึ่งเป็นรีสอร์ทริมชายหาดระดับ 4 ดาว ตั้งอยู่บนเกาะพีพีดอน จังหวัดกระบี่ ประเทศไทย

เมษายน 2557

เข้าซื้อโรงแรมสันติบุรี เกาะสมุย หนึ่งในรีสอร์ทริมชายหาดระดับ 5 ดาวลำดับแรก ๆ ที่ตั้งอยู่บนชายฝั่งทิศเหนือของเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ประเทศไทย

มกราคม

ครอสโร้ดส์ มัลดีฟส์ แหล่งท่องเที่ยวครบวงจรระดับโลก ได้รับรางวัลสิ่งแวดล้อมระดับสากล Green GlobeTM

--> 2565

พฤษภาคม

บริษัทฯ เดินหน้ากลยุทธ์หมุนเวียนขายสินทรัพย์ เพื่อต่อยอดการลงทุนพัฒนาโรงแรมที่มีศักยภาพสูง โดยได้บรรลุข้อตกลงการขายโรงแรมเมอร์เคียว เบอร์ตัน อัพพอน (Mercure Burton upon Trent Newton Park Hotel) ในสหราชอาณาจักร ซึ่งเป็นไปตามแผนการขายโรงแรมที่มีศักยภาพในการทำกำไรอย่างจำกัด โดยโรงแรม Mercure Newbury Elcot Park เป็นโรงแรมขนาด 50 ห้อง คิดเป็นมูลค่า 2 ล้านปอนด์ โดยเงินที่ได้จากการขายสินทรัพย์แห่งนี้จะถูกนำไปลงทุนใหม่เพื่อยกระดับสินทรัพย์อื่น ๆ ในสหราชอาณาจักรที่มีศักยภาพการแข่งขันสูง

-->

กรกฎาคม

บริษัทฯ ลงนามข้อตกลงบริหารจัดการโรงแรมของ“โซ/ โฮเต็ลแอนด์รีสอร์ท” (SO/ Hotels & Resorts) กับทาง Wai Eco World Developer Pte. Ltd. (WEWD) โดยรีสอร์ทแห่งใหม่นี้นับเป็นรีสอร์ทลำดับที่ 3 ของ “ครอสโร้ดส์ มัลดีฟส์” ซึ่งวางแผนเปิดตัวในปี 2566

เมษายน

บริษัทฯ ได้บรรลุข้อตกลงการขายโรงแรม Mercure Newbury Elcot Park ในสหราชอาณาจักร ซึ่งเป็นไปตามแผนการขายโรงแรมที่มีศักยภาพในการทำกำไรอย่างจำกัด โดยโรงแรม Mercure Newbury Elcot Park เป็นโรงแรมขนาด 73 ห้อง คิดเป็นมูลค่ารวม 4.25 ล้านปอนด์ (หรือเทียบเท่า 182 ล้านบาท) โดยเงินที่ได้จากการขายสินทรัพย์ดังกล่าว จะนำไปลงทุนพัฒนาปรับปรุงโรงแรมชั้นนำของบริษัทฯ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน และต่อยอดประสิทธิภาพในการทำกำไรของพอร์ตโฟลิโอ

กุมภาพันธ์

บริษัทฯ ดำเนินการเปลี่ยนสัญญาของโรงแรมที่ปัจจุบันดำเนินการโดยแบรนด์ Outrigger จำนวน 3 แห่ง จากทั้งหมด 6 แห่งภายใต้สัญญาบริหารจัดการโรงแรม กลับมาบริหารจัดการด้วยตัวเอง (Self-managed) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความสามารถในการทำกำไรของบริษัทฯ ในการนี้บริษัทฯ ได้เปิดตัวรีสอร์ท ภายใต้แบรนด์ “SAii” อีก 2 แห่งในประเทศไทย ได้แก่ ทรายลากูน่าภูเก็ต (SAii Laguna Phuket) และ ทรายพีพีไอส์แลนด์วิลเลจ (SAii Phi Phi Island Village)

คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติให้ S Hotels and Resorts (UK) Limited (“SHR UK”) บริษัทย่อยที่บริษัทฯ ถือหุ้นทางอ้อมร้อยละ 100 เข้าซื้อหุ้นสามัญของ FS JV Co., Ltd. (“FS JV”) จำนวน 500,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ หุ้นละ 1 ปอนด์ หรือ คิดเป็นร้อยละ 50 ของทุนที่ชำระแล้ว จากผู้ร่วมทุนเดิม FICO Holding (UK) Limited (“FICO UK”) โดยใช้มูลค่าเงินลงทุน 13.75 ล้านปอนด์ (หรือประมาณ 564.49 ล้านบาท) ภายหลังการทำรายการ SHR UK จะถือหุ้นใน FS JV ร้อยละ 100 และทำให้ FS JV เป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ และจะรับรู้ผลการดำเนินงาน ในรูปแบบงบการเงินรวมของบริษัทฯ ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ปี 2564 เป็นต้นไป

-->

ธันวาคม

บริษัทฯ เปิดตัวแบรนด์โรงแรมและรีสอร์ทใหม่ล่าสุดของบริษัท ภายใต้ชื่อ “nābor” ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ นักท่องเที่ยวยุคใหม่ที่ชาญฉลาดและใช้ชีวิตด้วยดิจิทัล ผสมผสานแรงบันดาลใจจากท้องถิ่น เพื่อเป็นทางเลือกใหม่ สำหรับกลุ่มตลาดระดับกลาง แต่คุณภาพระดับลักชัวรี่ที่เข้าถึงง่ายมากขึ้น “Luxury Midscale” ซึ่งการพัฒนา แบรนด์นี้จะมีบทบาทสำคัญในการขยายการลงทุน และเพิ่มพอร์ตโฟลิโอของบริษัทฯ ต่อไปในอนาคต

-->

พฤศจิกายน

เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ภายใต้ชื่อหลักทรัพย์ SHR ในหมวดการท่องเที่ยวและสันทนาการ ภายหลังการเพิ่มทุน บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) ยังคงดำรงสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทฯ ที่ร้อยละ 60 ของทุนชำระแล้ว

เข้าลงนามในสัญญาร่วมทุนสำหรับการพัฒนาโครงการแบบ High-end lifestyle resort บนเกาะ 3 ของโครงการ CROSSROADS เฟส 1 กับ Eco World Developer Co., Ltd

กันยายน

เปิดดำเนินการโรงแรม 2 แห่งได้แก่ โรงแรม SAii Lagoon Maldives, Curio Collection by Hilton และโรงแรม Hard Rock Hotel Maldives รวมถึงศูนย์รวมการให้บริการ (complex) เพื่อการพักผ่อนและสิ่งบันเทิงภายใต้ในโครงการ Marina @ CROSSROADS ที่โครงการ Crossroads ในประเทศมัลดีฟส์

เมษายน

บริษัทฯ มีมติการแปรสภาพเป็นบริษัทมหาชน และเพิ่มทุนจดทะเบียน เพื่อรองรับการเสนอขายหุ้น IPO และรองรับการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นที่จะออกขายต่อประชาชน (PO Warrant)

-->

มิถุนายน

เข้าซื้อโรงแรม Outrigger จำนวน 6 แห่งใน 4 ประเทศ ได้แก่ โรงแรม Outrigger Laguna Phuket Beach Resort ในประเทศไทย และโรงแรม Outrigger Koh Samui Beach Resort ในประเทศไทย โรงแรม Outrigger Fiji Beach Resort และโรงแรม Castaway Island ในสาธารณรัฐหมู่เกาะฟิจิ โรงแรม Outrigger Mauritius Beach Resort ในสาธารณรัฐมอริเชียส และโรงแรม Outrigger Konotta Maldives Resort ในสาธารณรัฐมัลดีฟส์

พฤษภาคม

เพิ่มห้องพักแบบวิลล่าขนาดใหญ่พร้อมสระว่ายน้ำซึ่งเป็นห้องพักลูกค้ารูปแบบใหม่อีกจำนวน 19 ห้อง (Grand Reserve Pool Villa) ที่โรงแรมสันติบุรี เกาะสมุย

-->

มกราคม

เริ่มดำเนินการถมที่ดิน การปกป้องแนวชายฝั่ง การกำหนดภูมิทัศน์ และการก่อสร้างโครงการ Crossroads เฟส 1

ครอสโร้ดส์ มัลดีฟส์  โครงการแหล่งท่องเที่ยวและพักผ่อนครบวงจรระดับโลกขนาดใหญ่ ยาว 7 กิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่ 9 เกาะในมัลดีฟส์ บริหารจัดหารโดย SHR ภายใต้การพัฒนาโดยบริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) และ บริษัท บุญรอดบริววอรี่ จำกัด

-->

พฤศจิกายน

โรงแรม พีพี ไอส์แลนด์ วิลเลจ บีช รีสอร์ท ได้ดำเนินการปรับปรุงห้องพักบังกะโลระดับ Superior จำนวน 45 หลัง บังกะโลระดับ Standard จำนวน 110 หลัง และร้านอาหารของโรงแรม 3 ร้าน

กันยายน

เข้าทำสัญญากิจการร่วมค้ากับ FICO UK เพื่อเข้าซื้อโรงแรมในสหราชอาณาจักรจำนวน 3 แห่ง ซึ่งเป็นโรงแรมระดับ 3 ดาว ดำเนินกิจการภายใต้แบรนด์ Holiday Inn 2 แห่ง และภายใต้แบรนด์ Mercure 1 แห่ง

-->

ตุลาคม

เข้าทำสัญญากิจการร่วมค้ากับ FICO UK เพื่อเข้าซื้อโรงแรมในสหราชอาณาจักรจำนวน 26 แห่ง ซึ่งเป็นโรงแรมระดับ 3 ดาวและ 4 ดาว และดำเนินกิจการภายใต้แบรนด์ Mercure

เมษายน

โรงแรมสันติบุรี เกาะสมุย ได้เพิ่มห้องพักแบบวิลล่าขนาดใหญ่พร้อมสระว่ายน้ำ (Grand Deluxe Pool Villas) จำนวน 6 ห้อง

-->

พฤศจิกายน

เข้าซื้อโรงแรม พีพี ไอส์แลนด์ วิลเลจ บีช รีสอร์ท ซึ่งเป็นรีสอร์ทริมชายหาดระดับ 4 ดาว ตั้งอยู่บนเกาะพีพีดอน จังหวัดกระบี่ ประเทศไทย

เมษายน

เข้าซื้อโรงแรมสันติบุรี เกาะสมุย หนึ่งในรีสอร์ทริมชายหาดระดับ 5 ดาวลำดับแรก ๆ ที่ตั้งอยู่บนชายฝั่งทิศเหนือของเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ประเทศไทย

-->

ประวัติความเป็นมา

  • ครอสโร้ดส์ มัลดีฟส์ แหล่งท่องเที่ยวครบวงจรระดับโลก ได้รับรางวัลสิ่งแวดล้อมระดับสากล Green GlobeTM

    มกราคม 2566

  • บริษัทฯ เดินหน้ากลยุทธ์หมุนเวียนขายสินทรัพย์ เพื่อต่อยอดการลงทุนพัฒนาโรงแรมที่มีศักยภาพสูง โดยได้บรรลุข้อตกลงการขายโรงแรมเมอร์เคียว เบอร์ตัน อัพพอน (Mercure Burton upon Trent Newton Park Hotel) ในสหราชอาณาจักร ซึ่งเป็นไปตามแผนการขายโรงแรมที่มีศักยภาพในการทำกำไรอย่างจำกัด โดยโรงแรม Mercure Newbury Elcot Park เป็นโรงแรมขนาด 50 ห้อง คิดเป็นมูลค่า 2 ล้านปอนด์ โดยเงินที่ได้จากการขายสินทรัพย์แห่งนี้จะถูกนำไปลงทุนใหม่เพื่อยกระดับสินทรัพย์อื่น ๆ ในสหราชอาณาจักรที่มีศักยภาพการแข่งขันสูง

    พฤษภาคม 2565

  • บริษัทฯ ลงนามข้อตกลงบริหารจัดการโรงแรมของ“โซ/ โฮเต็ลแอนด์รีสอร์ท” (SO/ Hotels & Resorts) กับทาง Wai Eco World Developer Pte. Ltd. (WEWD) โดยรีสอร์ทแห่งใหม่นี้นับเป็นรีสอร์ทลำดับที่ 3 ของ “ครอสโร้ดส์ มัลดีฟส์” ซึ่งวางแผนเปิดตัวในปี 2566

    กรกฎาคม 2564

  • บริษัทฯ ได้บรรลุข้อตกลงการขายโรงแรม Mercure Newbury Elcot Park ในสหราชอาณาจักร ซึ่งเป็นไปตามแผนการขายโรงแรมที่มีศักยภาพในการทำกำไรอย่างจำกัด โดยโรงแรม Mercure Newbury Elcot Park เป็นโรงแรมขนาด 73 ห้อง คิดเป็นมูลค่ารวม 4.25 ล้านปอนด์ (หรือเทียบเท่า 182 ล้านบาท) โดยเงินที่ได้จากการขายสินทรัพย์ดังกล่าว จะนำไปลงทุนพัฒนาปรับปรุงโรงแรมชั้นนำของบริษัทฯ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน และต่อยอดประสิทธิภาพในการทำกำไรของพอร์ตโฟลิโอ

    เมษายน 2564

  • บริษัทฯ ดำเนินการเปลี่ยนสัญญาของโรงแรมที่ปัจจุบันดำเนินการโดยแบรนด์ Outrigger จำนวน 3 แห่ง จากทั้งหมด 6 แห่งภายใต้สัญญาบริหารจัดการโรงแรม กลับมาบริหารจัดการด้วยตัวเอง (Self-managed) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความสามารถในการทำกำไรของบริษัทฯ ในการนี้บริษัทฯ ได้เปิดตัวรีสอร์ท ภายใต้แบรนด์ “SAii” อีก 2 แห่งในประเทศไทย ได้แก่ ทรายลากูน่าภูเก็ต (SAii Laguna Phuket) และ ทรายพีพีไอส์แลนด์วิลเลจ (SAii Phi Phi Island Village)

    คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติให้ S Hotels and Resorts (UK) Limited (“SHR UK”) บริษัทย่อยที่บริษัทฯ ถือหุ้นทางอ้อมร้อยละ 100 เข้าซื้อหุ้นสามัญของ FS JV Co., Ltd. (“FS JV”) จำนวน 500,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ หุ้นละ 1 ปอนด์ หรือ คิดเป็นร้อยละ 50 ของทุนที่ชำระแล้ว จากผู้ร่วมทุนเดิม FICO Holding (UK) Limited (“FICO UK”) โดยใช้มูลค่าเงินลงทุน 13.75 ล้านปอนด์ (หรือประมาณ 564.49 ล้านบาท) ภายหลังการทำรายการ SHR UK จะถือหุ้นใน FS JV ร้อยละ 100 และทำให้ FS JV เป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ และจะรับรู้ผลการดำเนินงาน ในรูปแบบงบการเงินรวมของบริษัทฯ ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ปี 2564 เป็นต้นไป

    กุมภาพันธ์ 2564

  • บริษัทฯ เปิดตัวแบรนด์โรงแรมและรีสอร์ทใหม่ล่าสุดของบริษัท ภายใต้ชื่อ “nābor” ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ นักท่องเที่ยวยุคใหม่ที่ชาญฉลาดและใช้ชีวิตด้วยดิจิทัล ผสมผสานแรงบันดาลใจจากท้องถิ่น เพื่อเป็นทางเลือกใหม่ สำหรับกลุ่มตลาดระดับกลาง แต่คุณภาพระดับลักชัวรี่ที่เข้าถึงง่ายมากขึ้น “Luxury Midscale” ซึ่งการพัฒนา แบรนด์นี้จะมีบทบาทสำคัญในการขยายการลงทุน และเพิ่มพอร์ตโฟลิโอของบริษัทฯ ต่อไปในอนาคต

    ธันวาคม 2563

  • เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ภายใต้ชื่อหลักทรัพย์ SHR ในหมวดการท่องเที่ยวและสันทนาการ ภายหลังการเพิ่มทุน บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) ยังคงดำรงสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทฯ ที่ร้อยละ 60 ของทุนชำระแล้ว

    เข้าลงนามในสัญญาร่วมทุนสำหรับการพัฒนาโครงการแบบ High-end lifestyle resort บนเกาะ 3 ของโครงการ CROSSROADS เฟส 1 กับ Eco World Developer Co., Ltd

    พฤศจิกายน 2562

  • เปิดดำเนินการโรงแรม 2 แห่งได้แก่ โรงแรม SAii Lagoon Maldives, Curio Collection by Hilton และโรงแรม Hard Rock Hotel Maldives รวมถึงศูนย์รวมการให้บริการ (complex) เพื่อการพักผ่อนและสิ่งบันเทิงภายใต้ในโครงการ Marina @ CROSSROADS ที่โครงการ Crossroads ในประเทศมัลดีฟส์

    กันยายน 2562

  • บริษัทฯ มีมติการแปรสภาพเป็นบริษัทมหาชน และเพิ่มทุนจดทะเบียน เพื่อรองรับการเสนอขายหุ้น IPO และรองรับการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นที่จะออกขายต่อประชาชน (PO Warrant)

    เมษายน 2562

  • เข้าซื้อโรงแรม Outrigger จำนวน 6 แห่งใน 4 ประเทศ ได้แก่ โรงแรม Outrigger Laguna Phuket Beach Resort ในประเทศไทย และโรงแรม Outrigger Koh Samui Beach Resort ในประเทศไทย โรงแรม Outrigger Fiji Beach Resort และโรงแรม Castaway Island ในสาธารณรัฐหมู่เกาะฟิจิ โรงแรม Outrigger Mauritius Beach Resort ในสาธารณรัฐมอริเชียส และโรงแรม Outrigger Konotta Maldives Resort ในสาธารณรัฐมัลดีฟส์

    มิถุนายน 2561

  • เพิ่มห้องพักแบบวิลล่าขนาดใหญ่พร้อมสระว่ายน้ำซึ่งเป็นห้องพักลูกค้ารูปแบบใหม่อีกจำนวน 19 ห้อง (Grand Reserve Pool Villa) ที่โรงแรมสันติบุรี เกาะสมุย

    พฤษภาคม 2561

  • เริ่มดำเนินการถมที่ดิน การปกป้องแนวชายฝั่ง การกำหนดภูมิทัศน์ และการก่อสร้างโครงการ Crossroads เฟส 1

    ครอสโร้ดส์ มัลดีฟส์  โครงการแหล่งท่องเที่ยวและพักผ่อนครบวงจรระดับโลกขนาดใหญ่ ยาว 7 กิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่ 9 เกาะในมัลดีฟส์ บริหารจัดหารโดย SHR ภายใต้การพัฒนาโดยบริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) และ บริษัท บุญรอดบริววอรี่ จำกัด

    มกราคม 2560

  • โรงแรม พีพี ไอส์แลนด์ วิลเลจ บีช รีสอร์ท ได้ดำเนินการปรับปรุงห้องพักบังกะโลระดับ Superior จำนวน 45 หลัง บังกะโลระดับ Standard จำนวน 110 หลัง และร้านอาหารของโรงแรม 3 ร้าน

    พฤศจิกายน 2559

  • เข้าทำสัญญากิจการร่วมค้ากับ FICO UK เพื่อเข้าซื้อโรงแรมในสหราชอาณาจักรจำนวน 3 แห่ง ซึ่งเป็นโรงแรมระดับ 3 ดาว ดำเนินกิจการภายใต้แบรนด์ Holiday Inn 2 แห่ง และภายใต้แบรนด์ Mercure 1 แห่ง

    กันยายน 2559

  • เข้าทำสัญญากิจการร่วมค้ากับ FICO UK เพื่อเข้าซื้อโรงแรมในสหราชอาณาจักรจำนวน 26 แห่ง ซึ่งเป็นโรงแรมระดับ 3 ดาวและ 4 ดาว และดำเนินกิจการภายใต้แบรนด์ Mercure

    ตุลาคม 2558

  • โรงแรมสันติบุรี เกาะสมุย ได้เพิ่มห้องพักแบบวิลล่าขนาดใหญ่พร้อมสระว่ายน้ำ (Grand Deluxe Pool Villas) จำนวน 6 ห้อง

    เมษายน 2558

  • เข้าซื้อโรงแรม พีพี ไอส์แลนด์ วิลเลจ บีช รีสอร์ท ซึ่งเป็นรีสอร์ทริมชายหาดระดับ 4 ดาว ตั้งอยู่บนเกาะพีพีดอน จังหวัดกระบี่ ประเทศไทย

    พฤศจิกายน 2557

  • เข้าซื้อโรงแรมสันติบุรี เกาะสมุย หนึ่งในรีสอร์ทริมชายหาดระดับ 5 ดาวลำดับแรก ๆ ที่ตั้งอยู่บนชายฝั่งทิศเหนือของเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ประเทศไทย

    เมษายน 2557

วิสัยทัศน์

บริษัทฯ มีวิสัยทัศน์ที่จะก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้านการลงทุนโรงแรมและการบริหารงานรีสอร์ทที่กำหนดมาตรฐานใหม่ให้กับการพักผ่อนและการใช้ชีวิตที่มีคุณภาพ บนปรัชญาการพัฒนาที่ยั่งยืนและสร้างประโยชน์ที่แท้จริงให้แก่ชุมชนท้องถิ่น โดยมีเป้าหมายที่จะมอบประสบการณ์การเข้าพักในโรงแรมและรีสอร์ทระดับบนในราคาที่เข้าถึงได้ สนับสนุนการเข้าร่วมกับพันธมิตร และพัฒนาการกำกับดูแลกิจการ ทั้งนี้การดำเนินการเพื่อให้เป็นไปตามวิสัยทัศน์ดังกล่าวได้รับแรงสนับสนุนจากวัฒนธรรมองค์กรด้านการให้บริการที่แข็งแกร่งผ่านการสร้างคุณค่าให้กับพนักงานอย่างเต็มที่โดยมุ่งเน้นการมีส่วนร่วมของพนักงาน โดยมุ่งเน้นการสร้างความพึงพอใจให้แก่พนักงาน และการพัฒนาความสามารถของชุมชนท้องถิ่นเป็นสำคัญ

วัฒนธรรมและค่านิยม

ค่านิยมหลักของเรา - ไพรด์

Partnership

การมีสัมพันธภาพที่ดี เป็นมิตรที่ยั่งยืน

Refined

การทำธุรกิจบนพื้นฐานของความประณีต และมีคุณภาพ

Integrity

การยึดมั่นในความซื่อตรงและเป็นที่ไว้วางใจได้

Dynamic

การปรับตัว ริเริ่ม สร้างสรรค์

Entrepreneurship

การทำงานด้วยใจรักและทุ่มเท

วัฒนธรรมการให้บริการ - ด้วยความภาคภูมิใจ

เรายินดีต้อนรับคุณด้วยความภาคภูมิใจ “ทุกคนมีความสำคัญเท่าเทียมกัน”

เรามีความมุ่งมั่นในการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่ดีที่สุดของเราด้วยความภาคภูมิใจ “ทุกสิ่งที่คุณทำล้วนมีความสำคัญเท่าๆ กัน”

เราจะสร้างความประทับใจให้คุด้วยความภาคภูมิใจ “ทุกสิ่งที่คุณทำ จะถูกบันทึกไว้เป็นความทรงจำ”

ถัดไป


โครงสร้างองค์กร


SHR Organization Structure